สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam)
ประเทศเวียดนาม เข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนเป็นลำดับที่ 7 เมื่อวันที่
28 กรกฎาคม พ.ศ. 2538
ข้อมูลทั่วไปของประเทศเวียดนาม
ธงชาติ
พื้นธงเป็นสีแดงล้วน
ตรงกึ่งกลางมีรูปดาว 5 แฉก สีเหลืองทอง หมายถึง ชนชั้นต่าง ๆ ในสังคมเวียดนาม คือ
นักปราชญ์ ชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า และทหาร สีแดง หมายถึง
การต่อสู้เพื่อกู้เอกราชของชาวเวียดนามและสีเหลือง หมายถึง ชาวเวียดนาม แต่ภายหลังการรวมชาติเวียดนามในปี พ.ศ.
2519 ได้มีการอธิบายใหม่ในทางการเมืองว่า
สีแดง หมายถึง การปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมาชีพ และดาวสีทอง หมายถึง
การชี้นำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
ตราสัญลักษณ์
มีรูปดาวสีเหลืองบนพื้นสีแดง
มีรูปเฟืองและรวงข้าว หมายถึง
ความร่วมมือระหว่างแรงงานภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมตามแนวคิดคอมมิวนิสต์
มีลักษณะคล้ายตราแผ่นดินของเยอรมันตะวันออก และตราแผ่นดินของจีน
ซึ่งถูกนำมาสร้างเป็นตราแผ่นดินของเวียดนามเหนือเมื่อ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.
2498เมื่อรวมชาติกับเวียดนามใต้แล้ว จึงนำมาใช้เป็นตราแผ่นดินเวียดนามเมื่อ 2
กรกฎาคม พ.ศ. 2519
ดอกไม้ประจำชาติ
ประเทศเวียดนาม
มีดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง ดอกบัว (Lotus) เป็นดอกไม้ประจำชาติ
โดยดอกบัวเป็นที่รู้จักกันในนาม “ดอกไม้แห่งรุ่งอรุณ” เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี
ดอกบัวจึงมักถูกกล่าวถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของชาวเวียดนามอยู่บ่อยครั้ง
ชื่อภาษาไทย : สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ชื่อภาษาอังกฤษ : Socialist
Republic of Vietnam
ที่ตั้ง : ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)
เมืองหลวง : กรุงฮานอย (Ha Noi)
ภาษาราชการ : ภาษาเวียดนาม (Vietnamese)
สกุลเงิน : ด่ง (Dong, VND)
พื้นที่ : 128,565 ตารางไมล์ (331,210 ตารางกิโลเมตร)
จำนวนประชากร : 89,693,000 คน
การปกครอง : ระบอบสังคมนิยม มีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้ปกครองสูงสุด
Time Zone : UTC+7
ใช้เวลาเดียวกับประเทศไทย
GDP : 358,889
ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้ต่อหัวประชากร : 4,001 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
รหัสโทรศัพท์ (IDC) : +84
ประวัติ
ประเทศเวียดนาม (เวียดนาม: Việt Nam 越南) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เวียดนาม: Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam 共和社會主義越南, ก่ง ฮหว่า สา โห่ย จู๋ เหงีย เหวียต นาม)
เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีน มีพรมแดนติดกับประเทศจีน
ทางทิศเหนือ ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก และอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้
ทางทิศตะวันออกและใต้ หรือในภาษาเวียดนามเรียกเฉพาะทะเลทางทิศตะวันออกว่า
ทะเลตะวันออก (เวียดนาม: Biển Đông, เบี๋ยน ดง)
เวียดนามมีประชากรมากกว่า 89 ล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ
13 ของโลก
อย่างไรก็ตาม
ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาประเทศยังคงมีประสบการณ์ระดับสูงของความไม่เท่าเทียมกันของรายได้, ความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและการขาดความเท่าเทียมกันทางเพศ
ภูมิศาสตร์
เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว
และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือและใต้
แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20% โดยมีพันธุ์ไม้ 13,000 ชนิด
และพันธุ์สัตว์กว่า 15,000
ลักษณะภูมิประเทศ
- มีที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ ตอนเหนือเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
- มีที่ราบสูงตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มีเขา ซึ่งเป็นภูเขาที่สูง 3,143 เมตร (10,312 ฟุต)
ลักษณะภูมิอากาศ
เป็นแบบมรสุมเขตร้อน
ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้
ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว
สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง (ฝนตกตลอดปี
ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณร้อยละ
84 ตลอดปี มีปริมาณฝนจาก 120 ถึง 300 เซนติเมตร และมีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5 องศาเซลเซียส
การเมืองการปกครอง
1.การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพและเอกภาพสูง
อีกทั้งมีการกระจายอำนาจการบริหารในทางเศรษฐกิจแก่แต่ละจังหวัดเพื่อพัฒนา
และส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
ซึ่งในการเปลี่ยนผู้นำครั้งล่าสุดภายหลังการประชุมสมัชชาพรรคมิวนิสต์
เวียดนามสมัยที่ 10 เมื่อปี 2549
ได้มีการเลือกตั้งผู้นำที่มาจากทั้งภาคเหนือและภาคใต้
ซึ่งมีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจและมีภาพลักษณ์ของผู้นำรุ่นใหม่
2.ที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติเวียดนาม
สมัยที่ 12 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2550
ได้ให้การรับรองสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 จำนวน
493 คนจากผู้สมัครทั้งหมด 876 คน เป็นสมาชิกสภาแห่งชาติหน้าใหม่ 345 คน
โดยได้เลือกผู้นำเวียดนาม 3 คน ได้แก่ นายเหวียน เติน ซุง นายกรัฐมนตรี นายหน่ง
ดึ๊ก หมั่น เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ และนายเหวียน มินห์ เจี๊ยต ประธานาธิบดี
ซึ่งได้คะแนนเสียงร้อยละ 99.1 91.2และ 89.7 ตามลำดับ
และเลือกคณะรัฐมนตรีซึ่งประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีจำนวน 5 คน และรัฐมนตรีจำนวน 22
คน รัฐมนตรีส่วนใหญ่จะได้รับคะแนนเสียงร้อยละ 80 ขึ้นไป
เศรษฐกิจและสังคม
เวียดนามมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงและขยายตัวอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบาย
ปฏิรูปเศรษฐกิจ “โด่ย เหมย” (Doi Moi) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี
2529 ปัจจุบันเวียดนามพยายามปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ
ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดขององค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกเมื่อวันที่
11 มกราคม 2550
ในการพัฒนา ประเทศ
เวียดนามได้ดำเนินการแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 ระหว่างปี
2549-2553 ซึ่งสรุปเป้าหมายและทิศทางของการพัฒนาประเทศในช่วง 5 ปี ดังนี้
(1) ดำเนินการตามนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ “โด่ย
เหมย” (Doi Moi) เพื่อให้อัตราการเพิ่มของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเติบโตร้อยละ
8 หรือมากกว่าภายในปี 2553 (ให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 94 - 98
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
(2)
สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจการตลาดแบบสังคมนิยมเพื่อก้าวสู่ความเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาและทันสมัยภายในปี
2563
(3) พัฒนา knowledge - based economy
(4) ปรับปรุงคุณภาพการศึกษา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเร่งรัดพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งนี้
เวียดนามมีนโยบายเน้นหนักเรื่องการส่งเสริมธุรกิจเอกชน เร่งปฏิรูปรัฐวิสาหกิจต่าง
ๆ และเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศ
ปัจจุบัน
เวียดนามประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ
ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนเงินด่องกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
ส่งผลให้ธนาคารชาติเวียดนามต้องประกาศมาตรการแก้ไขปัญหาโดยปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยพื้นฐานจากร้อยละ12 เป็นร้อยละ 14
และประกาศปรับความเคลื่อนไหวในอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินด่องกับดอลลาร์สหรัฐ
ไม่เกินร้อยละ 2 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวร้อยละ 6.5
ในขณะที่มีอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 26.8 ในเดือนมิถุนายน 2551
ด้านการค้าระหว่างประเทศ
เวียดนามยังคงขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 เป็นมูลค่า 16,900
ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าการนำเข้า 45,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และส่งออก 28,600
ล้านดอลลาร์สหรัฐ การแก้ไขภาวะการขาดดุลการค้าเป็นปัญหาท้าทายสำหรับเวียดนาม
เนื่องจากเวียดนามมีโครงการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น
ทำให้มีความต้องการนำเข้าอุปกรณ์เครื่องจักรและวัตถุดิบจากต่างประเทศสูง
เวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าเกษตรกรรมและสินค้าประมงเป็นสำคัญ
โดย
ปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวมากเป็นอันดับสองรองจากไทย (ประมาณ 3-4
ล้านตันต่อปี) ส่งออกพริกไทยดำและเมล็ดมะม่วงหิมพานต์มากที่สุดในโลก
ส่งออกกาแฟเป็นอันดับสองของโลก ส่งออกยางพาราเป็นอันดับสี่ของโลก
และเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันดิบมากเป็นอันดับสามในเอเชีย
นักลงทุนต่างประเทศยังคงมีความมั่นใจในศักยภาพและบรรยากาศการลงทุนใน
เวียดนาม โดยสะท้อนในรูปของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเวียดนามในช่วง
6 เดือนแรกของปี 2551 มีมูลค่าสูงถึง 31,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2550 ถึง 3.7 เท่า
การไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศจำนวนมากอย่างต่อเนื่องส่งผลให้การสำรอง
เงินตราต่างประเทศของเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบ 2 เท่าในรอบปีที่ผ่านมา
ประชากร
มีจำนวนประชากรประมาณ 86 ล้านคน
ส่วนใหญ่เป็นชาวเวียดนาม รองลงมาจะเป็นชนกลุ่มน้อย ชาวเขา และชาวเขมร
ลักษณะทางภูมิศาสตร์
เวียดนาม
มีลักษณะพื้นที่เป็นแนวยาวคล้ายตัว S มีพื้นที่ประมาณ 331,690 ตารางกิโลเมตร (3 ใน 5 ของไทย หรือ ประมาณ 65%)
ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของคาบสมุทรอินโดจีน ทางทิศเหนือติดกับประเทศจีน
ทิศใต้ติดกับทะเลจีนและอ่าวไทย ทิศตะวันออกติดกับอ่าวตัวเกี๋ยและทะเลจีน
และทิศตะวันตกติดกับประเทศกัมพูชาและประเทศลาว
ภูมิประเทศ
พื้นที่ของเวียดนามส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาสูง
(โดยเฉพาะทางภาคเหนือ) คั่นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง
และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงนอกจากนี้ยังมีชายฝั่งทะเลแคบๆ
ที่ยาวจากเหนือจรดใต้
ภูมิอากาศ
เวียดนามอยู่ในพื้นที่มรสุมเขตร้อน
ทางภาคเหนือของประเทศจะมี 4 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – เมษายน) ฤดูร้อน (พฤษภาคม – สิงหาคม)
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) และฤดูหนาว (ธันวาคม –
กุมภาพันธ์) ส่วนทางภาคกลางและภาคใต้จะมีเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูฝน
(พฤษภาคม – ตุลาคม) และฤดูแล้ง (ตุลาคม – เมษายน)